ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝนมาเกือบเดือน แต่ฝนยังไม่ชุกตามฤดู

หลายพื้นที่เริ่มประสบภาวะภัยแล้ง บางจังหวัดต้องประกาศภัยพิบัติจากฝนทิ้งช่วง ทำให้ห้วย หนอง คลอง บึง แห้งขอด ไม่มีน้ำกิน น้ำไม่พอใช้

ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน เผชิญภาวะผลผลิตเสียหาย

สัญญาณร้ายจากปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” สภาพอากาศแปรผัน ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ รวมถึงเมืองไทยต้องเจอกับสถาน การณ์ฝนตกน้อย อากาศร้อนแล้งขั้นรุนแรง

มหันตภัยมาตามนัด ภัยธรรมชาติที่เลี่ยงไม่ได้

ความเสียหายจากภัยแล้ง ผลผลิตทางการเกษตรไม่สามารถทำได้ตามฤดูกาล เกษตรกรขาดรายได้ ชาวบ้านรากหญ้าไม่มีค่าใช้จ่ายหมุนเวียนประจำปี

กระเทือนภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเปราะบาง

ปัญหาใหญ่กำลังปะทุในห้วง “สุญญากาศ อำนาจ” การเมือง

ช่วงรอยต่อระหว่างรัฐบาลรักษาการที่นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดิน “คั่นเวลา” รอรัฐบาลใหม่

ถึงตรงนี้ผ่านวันเลือกตั้งใหญ่มา 1 เดือนเต็มๆ ยังไร้ความชัดเจน

ท่ามกลางแรงกดดันที่พุ่งเข้าใส่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่โดนบีบจากทุกทิศทุกทาง ทั้งฝั่งที่เรียกร้องให้รีบประกาศรับรอง ส.ส.ไวๆ อีกฝ่ายก็จี้ให้แจกใบเหลือง ใบแดง ตามที่มีการแฉประจาน เปิดหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งกันแบบโจ๋งครึ่มหลายเหตุการณ์

แต่นั่นก็มีแค่การปล่อย “ข้อมูลหลุด” อย่างไม่เป็นทางการ

ตามเอกสารที่ปรากฏทางหน้าสื่อมวลชน อ้างรายงานเสนอที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต (ครั้งที่ 1)

โดยมี 71 เขตเลือกตั้ง ใน 37 จังหวัด โดนร้องคัดค้าน นอกเหนือจากนั้นเสนอให้ประกาศรับรองผลทั้งหมด ในจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตรวม 400 คน

แบบที่เห็นตามหน้าสื่อ เฉลยหมดแล้วเขตไหน ใครเป็นใคร

แน่นอน ว่ากันตามตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการที่ถูกปล่อยออกมา จำนวนว่าที่ ส.ส.เขตเลือกตั้ง 71 คนที่ กกต.ยังประกาศรับรองผลไม่ได้ นั่นทำให้จำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองผล ยังไม่ถึงร้อยละ 95 ของ 400 เขตเลือกตั้ง ตามกติการัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ยังไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกได้

แต่โดยเงื่อนเวลา มันก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผล ส.ส.ให้ครบร้อยละ 95 จากจำนวน 400 เขตเลือกตั้งในระยะเวลา 60 วัน

และมันก็ยังอยู่ในวิสัยตามที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ประกาศผ่านสื่อ จะพยายามเร่งกระบวนการรับรอง ส.ส.ให้ครบร้อยละ 95 ภายในเดือนมิถุนายนนี้

เพื่อให้การเปิดประชุมสภาดำเนินการได้เร็วที่สุด

ในจุดที่นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แถลงเตรียมความพร้อมในการรับรายงานตัว ส.ส.ใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งชุดที่ 26 พร้อมยังข้ามช็อตไปถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิด ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรก

โดยประสานไปยัง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

คุมเกมเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรตัวจริง

กระบวนการเดินตามไทม์ไลน์ไปสู่ขั้นตอนสำคัญในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

นับถอยหลัง ยกสุดท้ายในศึกเดิมพันอำนาจเลือกตั้งกระชั้นเข้ามา ตรงกันข้ามกับโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ของทีมเด็กรุ่นใหม่ จังหวะลุ้นพลิกขั้วของพรรคก้าวไกลที่เริ่มห่างไกลออกไปทุกที

“รัฐบาลแห่งความฝัน” เริ่มตื่นมาเผชิญโลกความเป็นจริง

กับ “ชะตากรรมโหด” ของ “ผู้นำในจินตนา การ” อย่าง “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคก้าวไกล

โดนจับขึงพืดกลางแดด แก้ผ้าล่อนจ้อน

จากปฏิบัติการของ “แก๊งเจาะยาง” วางตะปู เรือใบ ขบวนการ “ขุดผีไอทีวี” มาหลอนจนขน หัวลุกลามไหลลึกไปนัวเนียมรดกกงสี ไล่เช็กย้อนหลังการเสียภาษี การแจ้งบัญชีอดีตคู่สมรส ฯลฯ

ยั้วเยี้ย เยอะแยะไปหมด

แม้แต่ตัว “พิธา” เอง เผลอๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีทรัพย์สมบัติมากขนาดนี้

โดยเฉพาะปมหุ้น “เศษซากไอทีวี” จากที่ไม่มีมูลค่าทางธุรกิจ ส่อกลายเป็น “หุ้นราคาแพง” ตามเค้าลางอย่างที่ กกต.งัดดาบ “มาตรา 151” ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ลากขวัญใจ “ด้อมส้ม” เข้าหลักประหาร ตั้งแท่นเชือดเองเลย

โทษฐาน รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรค การเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

ต้องระวางโทษจำคุก 1–10 ปี ปรับ 20,000– 200,000 บาท และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น กำหนด 20 ปี

ดำเนินคดีอาญา เล่นกันหนักถึงขั้นยัดคุกเลย

ตามเส้นทางของมาตรา 151 สุดท้ายปมหุ้นเศษซากไอทีวีต้องไปจบที่ศาลอาญา ขณะเดียวกันก็ยังมีช่องทางให้ “แก๊งวางตะปูเรือใบ” ลากไปยุติที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เหมือนกัน

ดักหน้า ดักหลัง ล็อก “พิธา” ให้ดิ้นไม่หลุด

ในจุดที่มีการ “ดักทาง” ขบวนแห่ “ขวัญใจด้อมส้ม” อารมณ์แบบที่โคตรเซียนรัฐธรรมนูญระดับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย แกล้งทำเป็นเบลอๆจำผิด จำถูก ฟันธงหาก “พิธา” โดนศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่สามารถเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ แข่งเกมโหวตในสภาได้

ใครเสนอชื่อ ถือว่ามีความผิด ต้องรับผิดชอบ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีเดียวกัน “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดนศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีถือหุ้นสื่อ

ก็ยังถูกเสนอชื่อชิงนายกฯแข่งกับ “บิ๊กตู่”มาแล้ว

คิวนี้จึงไม่รู้ว่า “เนติบริกร” พลาด หรือจงใจ “ชี้โพรง” ส่งสัญญาณ

แต่มันก็ยังอีกนาน ว่ากันโดยกระบวนการศาลต้องใช้เวลากว่าจะรู้ผลออกหัวออกก้อย โดยเงื่อนสถานการณ์น่าจะไม่ทันกระบวนการเปิดสภา

คิวโหวตเลือกนายกฯที่ใกล้เข้ามาทุกที

เรื่องของเรื่อง มาถึงจุดนี้ สภาพ “พิธา” เหมือนเด็กถูก “ป้ายขี้” เลอะเทอะ

มันเป็นข้ออ้างอย่างดีของสมาชิกวุฒิสภาที่จะตั้งแง่ เกี่ยงงอนอุ้มว่าที่ผู้นำในจินตนาการของกองเชียร์ฟากประชาธิปไตยชิงเก้าอี้นายกฯทั้งที่ “มอมแมม”

โอกาสแคะเสียง “250 ส.ว.ลากตั้ง” มาเติมสมการรัฐบาลก้าวไกล ที่มีต้นทุนหน้าตักอยู่ 312 เสียง ยังขาดอีก 64 คะแนน ให้ครบ 376 เสียง เกินกึ่งหนึ่งที่ประชุมรัฐสภา

มันเป็นเรื่องที่ยากกว่า “เข็นครกขึ้นภูกระดึง”

ตามไฟต์บังคับ ไม่ต้องมองไปถึงบทสรุปปมหุ้นเศษซากไอทีวี “แก๊งตะปูเรือใบ” ที่ดักด่านสอง ด่านสาม ลำพังแค่การแก้โจทย์สมการเสียงโหวตนายกฯในรัฐสภา

ขบวนแห่ “พิธา” ก็ส่อจอดตั้งแต่ด่านแรกแล้ว.

“ทีมการเมือง”